อย่างที่รับรู้กันว่า อากาศประเทศไทยตอนนี้จัดว่าอีกนิดก็ละลายกันเลยทีเดียว! หากจะร้อนกันขนาดนี้ แถบไม่อยากออกไปไหนเลย และ การที่มนุษย์ตัวเล็กๆจะต้องออกไปต่อสู้ กับดวงอาทิตย์ ในขณะที่อุณหภูมิแตะ 40 องศา เพื่อเดินไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ ก็ทรมานเหมือนอยู่ท่ามกลางทะเลทรายซาฮาร่า มันจะดีแค่ไหนถ้าเราจะไม่ต้องเสียเหงื่อ เพราะสิ่งที่ต้องการจะมาเสิร์ฟให้ถึงหน้าบ้าน
ขอเสนอ ของใหม่จาก LINE ประเทศไทย อย่าง “LINE MAN : Delivery Services”แอพพลิเคชั่นที่จะมาเขย่าวงการขนส่งด้วยบริการที่ครบวงจร ตามนโยบายที่จะไม่หยุดแค่แอพฯแชท แต่จะรุกสู่รูปแบบ E-Commerce และเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้ใช้ให้มากยิ่งขึ้น
LINE MAN เพิ่งเปิดให้โหลดตัวเวอร์ชั่น Beta ไปสดๆร้อนๆ เมื่อวันที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งในเวอร์ชั่นนี้ตัวบริการยังคงครอบคลุมแค่ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของกรุงเทพฯและปริมณฑลเท่านั้น
บริการหลักๆของ LINE MAN มีอยู่ 3 อย่างครับ ประกอบด้วย
- “Messenger Services” บริการแมสเซนเจอร์ที่ให้ผู้ใช้สามารถส่งพัสดุหากันได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย
- “Food Delivery” หิวแต่ไม่อยากออกไปไหน ก็เลือกเลยอาหารจากร้านเด็ด ร้านดัง เสิร์ฟให้ถึงที่
- “Convenience Goods” เลือกช็อปสินค้าจากร้านสะดวกซื้อ ที่พร้อมจะส่งตรงถึงบ้าน
เมื่อทราบว่าทำอะไรกันได้บ้างก็ถึงเวลาลองใช้กัน หลังจากดาวน์โหลดแอพฯมาเรียบร้อย ก็ลงทะเบียนเข้าใช้งานผ่านทาง LINE หลังจากนั้นก็เลือกเลยว่าต้องการใช้บริการตัวไหน
เริ่มด้วยตัว “Messenger Services” ในขั้นตอนแรกเราก็ต้องใส่ข้อมูลของเรา (ผู้ส่ง) ก่อนครับว่าจะให้ไปรับพัสดุที่ไหน โดยเริ่มจากการระบุพิกัดในแผนที่ และเพื่อความชัวร์ก็ควรใส่ รายละเอียดที่อยู่/จุดสังเกต อาทิเช่น บ้านเลขที่,ชื่ออพาร์ตเมนท์/คอนโด้ หรือ ตรอกซอกซอย จากนั้นก็ใส่ชื่อ และหมายเลขติดต่อ
จากนั้นจะเป็นการใส่ข้อมูลของ “ผู้รับ” ว่าต้องการจะให้ไปส่งที่ไหนซึ่งขั้นตอนเหมือนกับของคนส่งและจะต้องอยู่ในเขตพื้นที่บริการเหมือนกัน
ถัดมาจะเป็นส่วนของหมายเหตุ อาทิเช่น ขนาด/น้ำหนัก หรือพัสดุที่ต้องใช้ความระมัดระวัง รวมถึงการจ่ายเช็ค วางบิล ที่จะเป็นในรูปแบบการขนส่งแบบ ไป-กลับ
เมื่อลงข้อมูลครบแล้ว LINE MAN ก็จะคำนวน ระยะทาง ,เวลาในการขนส่ง และค่าบริการออกมาให้ ซึ่งเราก็กดเลือกได้ว่าจะให้เก็บเงินที่ ต้นทาง หรือ ปลายทาง และกดยืนยันคำสั่งรอแมสเซนเจอร์มารับของได้เลย
อัตราค่าบริการ Messenger Services
- ค่าบริการเริ่มต้นที่ 48 บาท ระยะทาง 1-30 กม.แรก คิดเพิ่ม 7.2 บาท/กม. ในส่วนที่เกิน 30 กม.ขึ้นไปคิด 14 บาท/กม.
- ในกรณีที่เลือก ไป-กลับ ค่าบริการบวกเพิ่มอีก 75 บาท
- หากใช้บริการช่วงนอกเวลาทำการ ตั้งแต่ 21.00 น. – 22.59 น. เก็บเพิ่มอีก 50 บาท และตั้งแต่ 23.00 น.- 06.00 น. เก็บเพิ่ม 100 บาท
- ฟรี! หีบห่อสำหรับจัดส่ง
โหมดบริการถัดมาเป็น “Food Delivery” ซึ่งเราก็ต้องเริ่มต้นด้วยการเลือกร้านอาหาร หรือจะค้นหาจากเมนูที่อยากกิน ตัวแอพฯก็จะดึงฐานข้อมูลจาก Wongnai เพื่อหาร้านที่ใกล้กับจุดที่เราอยู่มากที่สุด แต่ถ้าคิดไม่ออกก็กดดูร้านแนะนำเลยก็ได้
เมื่อได้ร้านมาแล้วก็ใส่เมนู ที่ต้องการซึ่งจะมาเป็นไฟล์รูปภาพหนังสือเมนูของทางร้าน ให้เราเลื่อนดูแล้วพิมพ์ใส่ทีละอย่างด้วยตัวเอง เมื่อครบแล้วก็ใส่ที่อยู่สำหรับการจัดส่ง รวมถึงชื่อ และ เบอร์โทร ของเราเข้าไป
โดยมูลค่ารวมของอาหารที่สั่งแต่ละครั้งจะจำกัดให้ไม่เกิน 1,000 บาท สำหรับค่าอาหาร (ไม่รวมค่าบริการ) และระยะเวลาในการจัดส่งตัว LINE MAN จะแจ้งให้ทราบในภายหลัง
อัตราค่าบริการ Food Delivery
- ค่าบริการ (ไม่รวมค่าอาหาร) เริ่มต้นที่ 55 บาท ระยะทาง 1 กม. ขึ้นไปคิดเพิ่ม 9 บาท/กม.
- หากใช้บริการช่วงนอกเวลาทำการ ตั้งแต่ 21.00 น. – 22.59 น. เก็บเพิ่มอีก 50 บาท และตั้งแต่ 23.00 น.- 06.00 น. เก็บเพิ่ม 100 บาท
โหมดสุดท้ายคือการสั่งสินค้าจากร้านสะดวกซื้อ “Convenience Goods” ขั้นตอนการใช้งานก็ง่ายๆ เริ่มต้นด้วยการเลือก สาขาของ 7-Eleven ที่เราต้องการจะซื้อสินค้า โดยให้สังเกตจากตัวจุดมาร์ค สาขาเป็นตัวสีดำแสดงว่าอยู่ในเขตให้บริการ สังเกตได้ว่าค่อนข้างจะครอบคลุมเกือบทุกสาขาในกรุงเทพฯ
จากนั้นก็เลือกสินค้าที่ขั้นตอนคล้ายกับการสั่งอาหาร พิมพ์ใส่เข้าไปว่าเราต้องการอะไร จำนวนเท่าไร หรือจะเลือกเอาจากหมวดสินค้าขายดีก็ได้ จากนั้นก็จะเป็นการใส่ข้อมูลสำหรับการจัดส่งเหมือนเดิม
อัตราค่าบริการ Convenience Goods
- ค่าบริการ (ไม่รวมค่าสินค้า) เริ่มต้นที่ 55 บาท ระยะทาง 1 กม. ขึ้นไปคิดเพิ่ม 9 บาท/กม.
- หากใช้บริการช่วงนอกเวลาทำการ ตั้งแต่ 21.00 น. – 22.59 น. เก็บเพิ่มอีก 50 บาท และตั้งแต่ 23.00 น.- 06.00 น. เก็บเพิ่ม 100 บาท
ณ จุดๆนี้ ก็ต้องยอมรับว่าร้าน 7-Eleven ก็มีอยู่แถบทุกมุมของกรุงเทพฯเลย ไม่ว่าจะเป็นร้านของ CP-ALL หรือร้านแฟรนไซส์ บางที่นี้เปิดห่างกันไม่ถึงหนึ่งช่วงตึกเสียด้วยซ้ำ จากความเห็นคิดว่าบริการนี้น่าจะเหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลา บ้านอยู่ในซอยลึกไม่สะดวกจะออกมาซื้อเอง หรือต้องการสินค้าที่มีขายเฉพาะบางสาขาเท่านั้น
สำหรับ LINE MAN ตอนนี้ยังเปิดให้ดาวน์โหลดเฉพาะแค่ Google PlayStore เท่านั้น ใครที่ใช้สมาร์ทโฟน Android ก็กดมาลองได้เลย ส่วนระบบ iOS อดใจรออีกนิด คาดว่าถ้าเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อไรคงได้ลองใช้กัน